27 กรกฎาคม 2555
วันนี้อาจารย์ติดธุระจึงให้อาจารย์บาสเข้าแทน และได้พูดถึงเรื่่องงานเล่านิทานว่าต้องทำอย่างไร ต้องนำเสนออย่างไร
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
บันทึกครั้งที่ 5
13 กรกฎาคม 2555
อาจารย์ไม่ได้เข้าสอนเนื่องจากติดธุระจึงให้ไปทำรายงานโดยการไปเล่านิทานให้เด็กฟังพร้อมทั้งสัมภาษณ์เด็กเผื่อจะได้รู้ถึงพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็ก
อาจารย์ไม่ได้เข้าสอนเนื่องจากติดธุระจึงให้ไปทำรายงานโดยการไปเล่านิทานให้เด็กฟังพร้อมทั้งสัมภาษณ์เด็กเผื่อจะได้รู้ถึงพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็ก
วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
บันทึกครั้งที่ 4
6 กรกฎาคม 2555
อาจารย์ให้แต่ละกลุ่มนำเสนองานในหัวข้อพัฒนาการทางภาษาของเด็ก 1-5 ขวบ
พัฒนาการของเด็กวัยแรกเกิด
-
1 ปี
เด็กวัยแรกเกิด - 1 ปี
จะเรียนรู้จากการมองเห็น การได้ยินและการสัมผัส สนใจวัตถุที่ยื่นเข้ามาใกล้
วัตถุที่เคลื่อนไหว วัตถุสีสดใส มีการเคลื่อนไหวร่างกายในท่าต่าง ๆ เรียนรู้
ในการทรงตัว ท่านั่ง ท่ายืน พัฒนาการเด็กวัยนี้ในแต่ละด้าน เป็นดังนี้
- พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว
อายุแรกเกิด - 3 เดือน
เริ่มชันคอได้ และเมื่ออยู่ในท่านอนคว่ำเด็กจะยกศีรษะและหน้าอก
อายุ 3-6 เดือน
เริ่มพลิกตะแคงตัวคว่ำได้ เอื้อมมือหยิบของเล่นเริ่มคืบไปข้างหน้า
อายุ 6-9 เดือน
นั่งตามลำพังได้เป็นพัก ๆ เมื่อจับยืนจะกระโดดยกตัวด้วยความพอใจ นั่งได้เอง
คลานได้เอง เริ่มเกาะยืน เกาะเดินไปด้านข้าง ๆ ได้ 4 - 5 ก้าว
อายุ 9 - 12 เดือน เริ่มเกาะเดินไปข้าง ๆ ตามข้างฝา
เดินไปข้างหน้าโดยช่วยจูงมือเด็กทั้ง 2 ข้าง
และเริ่มเดินได้เอง
-
พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก และสติปัญญา
อายุแรกเกิด - 3 เดือน
เริ่มมองวัตถุสีสันสดใส ขณะนอนหงายจะนำมือทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน
มือจะอยู่ในท่ากำ
อายุ 3 - 6 เดือน จะมองวัตถุจากวัตถุชิ้นหนึ่งไปยังวัตถุอีกชิ้นหนึ่ง
เริ่มกางนิ้วออกหยิบวัตถุสิ่งของ ปล่อยคลายวัตถุออก
และเปลี่ยนถ่ายวัตถุจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่งได้
อายุ 6 - 9 เดือน
เริ่มใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วอื่น ๆ หยิบวัตถุขึ้นจากพื้น
เริ่มใช้นิ้วมือจิ้มชอนไชตามซอกรูต่าง ๆ
อายุ 9 - 12 เดือน จีบนิ้วหยิบจับสิ่งของได้ ใส่วัตถุลงในถ้วยได้
-
พัฒนาการด้านความเข้า ใจภาษา
อายุแรกเกิด - 3 เดือน
ตอบสนองหรือเคลื่อนไหวร่างกายเมื่อได้ยินเสียง
อายุ 3 - 6 เดือน หันตามเสียงเรียก
อายุ 6 - 9 เดือน สนใจคนพูด เปลี่ยนสีหน้าตอบสนองต่อเสียงที่อ่อนโยน
หรือเสียงเกรี้ยวกราด เริ่มทำตามคำสั่งง่าย ๆ เมื่อใช้ท่าทางประกอบ
อายุ 9 - 12 เดือน หันตามเสียงเรียกชื่อ ตอบสนองต่อคำสั่งที่หนักแน่นโดยหยุดกระทำรู้จักสมาชิกในบ้านเมื่อเอ่ยชื่อ
-
พัฒนาการด้านการใช้ภาษา
อายุแรกเกิด - 3 เดือน
เปล่งเสียงในลำคอ ส่งเสียงอ้อแอ้เมื่อมีคนคุยด้วย
อายุ 3 - 6 เดือน เริ่มเปล่งเสียงสระ เล่นเสียงริมฝีปาก เล่นเสียงพ่นน้ำลาย
มีการเลียนแบบการออกเสียงพยัญชนะและสระง่าย ๆ
อายุ 6 - 9 เดือน ออกเสียงซ้ำ ๆ ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจเลียนแบบการกระทำ
อายุ 9 - 12 เดือน เลียนแบบการกระทำคู่กับเสียง เลียนแบบการกระทำโดยใช้ส่วนของใบหน้า
เช่น กระพริบตา จู๋ปาก แลบลิ้น ยิ้มหวาน
- พัฒนาการด้านการช่วยเหลือตนเองและสังคม
อายุแรกเกิด - 3 เดือน
ยิ้มหรือส่งเสียงตอบเมื่อมีผู้พูดคุยและแตะต้องตัว
อายุ 3 - 6 เดือน ยิ้มเอง ยื่นแขนให้อุ้ม พยายามคว้าจับของเล่น
อายุ 6 - 9 เดือน กลัวคนแปลกหน้า
เล่นของเล่นได้ตามลำพังดื่มน้ำจากถ้วยแก้วเมื่อมีการช่วยเหลือ
เคี้ยวและกลืนอาหารที่บดหยาบได้ ใช้นิ้วมือหยิบอาหาร
อายุ 9 - 12 เดือน ร่วมเล่นจ๊ะเอ๋ ถือช้อนและพยายามเอาอาหารเข้าปากและเคี้ยวกลืนได้
-
พัฒนาการด้านการแสดงออกทางอารมณ์
เด็กอายุแรกเกิด - 1 ปี
จะร้องไห้เสียใจเมื่อหิวไม่สบาย ถูกแยกจากพ่อแม่
จะยิ้มดีใจเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น จะโกรธเมื่อถูกแยกจากคนที่รักหรือ
ไม่ได้รับการตอบสนองในสิ่ง ที่ทำให้ตนพอใจ
และจะรักคนที่ตนเองพอใจและตอบสนองความต้องการของตนเองได้
พัฒนาการของเด็กวัย
1
- 2 ปี
เด็กวัย 1 - 2 ปี จะเป็นวัยที่มีความต้องการเป็นตัวของตัวเอง ชอบเล่นเชิงสำรวจ และชอบการเลียนแบบ
พัฒนาการเด็ก ในวัยนี้ในแต่ละด้าน เป็นดังนี้
-
พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว
เดินได้เอง
เดิน ขึ้น
/ ลงบันได พักเท้าแต่ละขั้น มือจับราวบันได
-
พัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา
สามารถขีด
เขียนเส้นที่ไม่มีความหมาย เป็นระเบียบลงบนกระดาษได้ ใช้นิ้วมือได้คล่องขึ้น
จับคู่วัตถุที่เหมือนกัน ต่อก้อนไม้ สี่เหลี่ยมลูกบาศก์เป็นหอสูงได้ และวางรูป
ในช่องกระดานรูปแบบได้
-
พัฒนาการด้านความเข้าใจภาษา เลือกวัตถุและรูปภาพที่คุ้นเคยได้ตามสั่ง
ชี้อวัยวะของร่างกายได้
7 ส่วน ทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้ 3 อย่าง
มีความตั้งใจฟังนิทานเรื่องสั้นจนจบ
- พัฒนาการด้านการใช้ภาษา เลียนแบบการพูด
และพูดเป็นคำ ๆให้ผู้ใหญ่เข้าใจได้
-
พัฒนาการด้านการช่วยเหลือตนเองและสังคม ดื่มน้ำรับประทานอาหารได้เองโดยไม่หก
ถอดกางเกงเอวยางยืดได้ เริ่มถ่ายอุจจาระเป็นเวลา
เริ่มกลั้นปัสสาวะได้ในช่วงเวลากลางวัน
สามารถเข้าไปเล่นกับเด็กคนอื่นแบบต่างคนต่างเล่น และปกป้องสิ่งของเมื่อถูกแย่ง
-
พัฒนาการด้านการแสดงออกทางอารมณ์ เมื่อ
โกรธจะแสดงออกทางร่างกายอย่างรุนแรง พึงพอใจเมื่อได้รับคำตอบจากเรื่องที่อยากรู้
กลัวสิ่งที่เกิดจากจินตนาการ รักและเรียนรู้ที่จะสร้าง ความผูกพันกับคนใกล้ชิด
พัฒนาการของเด็กวัย
2
- 3 ปี
เด็กวัย 2 - 3 ปี จะเป็นเด็กช่างสงสัย เต็มไปด้วยคำถาม
การเฝ้าดูการสังเกตและการเลียนแบบเชิงสำรวจ
มีความสนใจในการฝึกทักษะอย่างมากชอบทำกิจกรรมซ้ำ ๆ วัยนี้จึงเป็นช่วงสำคัญที่จะทำให้เด็กเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและความต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา
ชอบขีดเขียนเป็นเส้นยาววงกลม และตั้งชื่อเส้นที่ขีดเขียนได้
พัฒนาการเด็กวัยนี้ในแต่ละด้าน เป็นดังนี้
-
พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ถีบจักรยานสามล้อได้
ยืนด้วยขาข้างเดียวได้ กระโดดอยู่กับที่ได้ เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้
เล่นกระดานลื่นได้เอง ขว้างลูกบอล วิ่งไปเตะลูกบอลได้
-
พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก ประกอบรูปจิ๊กซอว์ 3 - 6 ชิ้นได้จับคู่รูปภาพ รูปเรขาคณิต จับคู่สีได้ รู้จักแม่สีหรือสีพื้น ๆ
วาดรูปง่าย ๆวาดรูปคนได้ ปั้นดินน้ำมันเป็นก้อนกลม ๆ
เป็นแท่งหรือบิดเป็นเกลียวร้อยลูกปัดขนาดเล็กได้ ดูหนังสือได้ด้วยตนเอง
-
พัฒนาการด้านความเข้าใจภาษา ทำตามคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการกระทำได้ 2 - 3 อย่าง ต่อวัตถุ 2 - 3 ชนิด ในประโยคเดียวกัน
ชี้อวัยวะของร่างกายได้ 10 ส่วน เลือกรูปภาพตามสั่งได้
วางวัตถุไว้ข้างบน ข้างใต้ และข้างในได้ สนใจฟังนิทานได้นาน 10 นาที เลือกจัดกลุ่มวัตถุตามประเภทได้
-
พัฒนาการด้านการใช้ภาษา พูดเป็นประโยคสมบูรณ์โดยใช้คำ3 - 5 คำ
เล่านิทานจากรูป หรือหนังสือง่าย ๆ ได้ พูดตอบโต้คำถามต่าง ๆ 3 คำถาม ในเรื่องเดียวกัน
พูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปใหม่ ๆ ได้
-
พัฒนาการด้านการช่วยเหลือตนเองและสังคม เริ่มเล่นสมมติรู้จักรอคอย
ไม่ร้องไห้เมื่อแยกจากแม่ ใช้หลอดดูดของเหลวได้ ใช้ส้อมจิ้ม อาหารรับประทานได้ ใส่ - ถอดเสื้อ
/ กางเกงได้ บอกเมื่อจะขับถ่าย แปรงฟันได้โดยผู้ใหญ่ช่วย
ล้างมือและเช็ดมือได้
-
พัฒนาการด้านการแสดงออกทางอารมณ์ เมื่อรู้สึกโกรธจะแสดงออกโดยท่าทางร่วมกับภาษากลัวสิ่งที่เกิดจากจินตนาการมากขึ้นรักและเรียนรู้ที่จะสร้างความผูกพันกับคนนอกบ้าน
พัฒนาการของเด็กวัย
3-4
ปี
เริ่มเป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องให้ผู้ใหญ่เฝ้าในการเล่น
ใช้พลังงานไปกับการเล่น จะรู้สึกดีที่ได้แสดงออกในสิ่งที่ตนต้องการ
เต็มใจลองของใหม่และสิ่งแปลกใหม่ พัฒนาการเด็กวัยนี้ในแต่ละด้าน เป็นดังนี้
-
พัฒนาการด้านการเคลื่อ นไหว เด็กสามารถเดินด้วยปลายเท้าเดินบนเส้นตรงกว้าง 5 ซม.
ในขณะที่วิ่งแล้วหยุดวิ่ง
เลี้ยวหรือหลบสิ่งกีดขวางได้เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้ ปีนตาข่ายเชือกได้
ขว้างและรับลูกบอลขนาดเล็กได้วิ่งไปเตะลูกบอลได้โดยไม่ต้องหยุดเล็ง
กระโดดสองเท้าได้ไกล 30 ซม. หรือกระโดดลงจากบันไดขั้นสุดท้ายได้
ถีบจักรยาน 3 ล้อได้
-
พัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา ประกอบชิ้นส่วนของรูปภาพได้
วางเรียง ก้อนไม้ที่มีขนาดต่างกัน เรียงตามลำดับได้ จับคู่และแยกรูปภาพ สี วัตถุ
ตัวอักษรได้ เลียนแบบการเขียนเครื่องหมายบวก(+) ตัววี (V) วาดรูปคนที่มีส่วนของร่างกายอย่างน้อย 3 ส่วน
ร้อยลูกปัดขนาดเล็ก ใช้กรรไกรตัดกระดาษได้สั้น ๆ
-
พัฒนาการด้านความเข้าใจภาษา ชี้อวัยวะของร่างกายได้มากขึ้นเลือกรูปภาพชายหญิงได้
รู้จัก ผิวสัมผัสแข็งและนิ่ม รู้จักคำว่าปิดเปิด เลือกรูปภาพที่แสดงสีหน้า สุข
เศร้า โกรธ รู้ขนาดใหญ่และเล็ก รู้ตำแหน่ง เช่น ข้างหน้า ข้างหลัง ข้าง ๆ ห่าง ๆ
ตอบคำถามง่าย ๆ ได้ โดยการพูดหรือชี้ในขณะฟังนิทาน
พัฒนาการด้านการใช้ภาษา
พูดกระซิบหรือตะโกน
ร้องเพลงง่าย ๆ ได้ พูดโต้ตอบสนทนา บอกหน้าที่อวัยวะของร่างกายได้
และบอกประโยชน์ของสิ่งต่าง ๆ ได้ เช่น ห้องน้ำ เตาไฟ สามารถเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปได้
บอกชื่อจริง นามสกุลเต็มของตนเองได้ พูดคำที่มีความหมายตรงข้ามได้พูดเป็นประโยคได้
-
พัฒนาการด้านการช่วยเหลือตนเองและสังคม เล่นกับเด็กอื่น
โดย วิธีการผลัดกันเล่น บอกเพศของตนเองได้ ช่วยงานง่าย ๆ ได้
สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นอันตรายได้ ใช้ช้อนส้อม รับประทานอาหารได้
เทน้ำจากเหยือกได้โดยไม่หก ถอดกระดุมเม็ดใหญ่ได้ ถอดเสื้อผ้าได้
ไม่ปัสสาวะรดที่นอนในเวลากลางคืน ล้างมือล้างหน้าได้เอง
-
พัฒนาการด้านการแสดงออกทางอารมณ์ เมื่อรู้สึกโกรธจะแสดงออกโดยการร้องไห้
กระทืบเท้า กลัวแสดงออกโดยการหลบซ่อน วิ่งหนีรักและเรียนรู้ที่จะสร้างความผูกพันกับเพื่อน
มีการอิจฉาริษยา อยากรู้ อยากเห็น มากขึ้น
เด็กอายุ 3 - 5 ปี เป็นวัยที่มีการพัฒนาทักษะในการรับรู้ทางความคิด สติปัญญา
และความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เด็กจะเริ่มคิด เริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ
และชอบถามคำถามบ่อยๆ เช่น นั่นอะไร ทำไม เป็นต้น ซึ่งพ่อแม่/ผู้ดูแลเด็กบางคนไม่เข้าใจ
อาจจะดุเด็กได้จนเด็กบางคนขยาดหวาดกลัวว่า จะทำผิด เพราะถูก ผู้ใหญ่ว่ากล่าวมาแต่เล็ก
ความรู้สึกนี้มาปิดกันความคิด ของเดก็ และจะติดตัวจนถึงวัยผู้ใหญ่ ฉะนั้นพ่อ แม่
/ ผู้ดูแลเด็กจึงไม่ควรดุว่าเด็ก เมื่อเด็กถามคำถามควรตอบสั้นๆ
ง่ายๆ ให้เด็ก เข้าใจทุกครั้ง และอาจตั้งคำถามเพื่อถามเด็กตามความสนใจของเด็ก โดยใช้คำถามปลายเปิด
ช่วยขยายความคำตอบของเด็ก ชมเชยเมื่อเด็กตอบได้ดี ช่วยเหลือเท่าที่เด็กต้องการในบรรยากาศที่สนกุ
สนานร่วมกัน เป็นการฝึกนิสัย ช่างซัก ช่างถามให้กับเด็กการอ่านหนังสือ
เล่า
นิทาน
จะเป็นการกระตุ้นการซักถามของเด็กได้ดี
นอกจากนี้เด็กในวัยนี้เป็นวัยที่เด็กอยากให้เพื่อนรัก อยากให้เพื่อนชอบ
เด็กต้องการที่จะเอาใจเพื่อน อยากเป็น เหมือนเพื่อน เด็กจะยอมทำกฎเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่เขาชอบ เด็ก มักชอบร้องเพลงชอบเต้นระบำ อยากเป็นตัวของตัวเอง
อยากจะออกไปหาเพื่อนข้างบ้าน อยากจะไปเล่นกับเพื่อน ๆ ครู/พี่เลี้ยงควรสนับสนุนให้เด็กเล่นกับเพื่อนเป็นกลุ่ม
ในวัยนี้เด็กอาจจะดื้อเพราะมีความเป็นตัวของตัวเอง ที่สำคัญผู้ดูแลต้องใจเย็น
ไม่หงุดหงิด อารมณ์เย็น ควรอธิบายให้เด็กฟัง ถ้าผู้ดูแลโกรธ ดุ
หรือใช้วิธีลงโทษที่ไม่เหมาะสม
เด็กจะยิ่งมีพฤติกรรมที่ไม่ดีเด็กในช่วงนี้กำลังเรียนรู้สิ่งที่ถูกที่ผิด
ไม่เข้าใจรายละเอียดของ
จริยธรรมของความดี
เช่น ถ้าเด็กทำของแตก เด็กจะคิดว่าไม่ดี
ผู้ดูแลต้องอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
และความตั้งใจทำให้ของเสียและจะต้องแยกตัวเด็กออกจากพฤติกรรมของเขา เช่น
จะต้องบอกว่า “ครูรักหนู แต่ครูไม่ชอบในสิ่งที่หนูทำ หนูทำแจกันแตกเป็นสิ่งที่ไม่ดี
มันทำให้เกิดอันตราย” แต่ถ้ามันเป็นอุบัติเหตุก็ต้องอธิบายให้ฟังว่า
ไม่เป็นไรมันเป็นเพียงอุบัติเหตุ คราวหน้าหนูควรทำอย่างนี้
และที่สำคัญครูควรต้องระวัง
ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของเด็ก
ควรให้เด็กคิดถึงสิ่ง
ที่เขาควรทำได้
สำหรับวัยนี้และจะต้องชมเชยเมื่อเด็กทำได้
ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างการเห็นคุณค่าในตนเอง รวมทั้งเรื่องความคิด การตัดสินใจ
การสร้างทัศนคติที่ดี ทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและมีความสามารถที่จะทำได้
แลนเดร็ธ (Landreth) กล่าวว่า ในการเรียนรู้ของเด็กนั้น เด็กในวัยนี้
ควรได้รับการฝึกฝนให้พัฒนาทักษะทางด้านต่างๆ
ดังต่อไปนี้
1. ทักษะเกี่ยวกับประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหวพื้นฐาน
2. กระบวนการคิดและตัดสินใจ
3. การเกิดความคิดรวบยอด
4. การฝึกรูปแบบในการพูด
1.
เด็กจะเรียนรู้การใช้ประสาทสัมผัสเพื่อนำไปสู่การแยกประเภทและการเรียนรู้สัญลักษณ์
2.
เด็กจะเรียนรู้สิ่งที่เป็นไปโดยธรรมชาติ
เพี่อนำไปสู่การควบคุมการสร้างความสัมพันธ์ การหาแนวทางของตน
และการเลียนแบบในการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย
3.
เด็กจะพัฒนาการออกเสียงอ้อแอ้ เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ภาษา
4.
เด็กจะเรียนรู้การอ่านภาพที่เป็นสัญลักษณ์
เพื่อนำไปสู่การอ่านหนังสือ
5.
เด็กจะเรียนรู้การขีดเขียน เพื่อนำไปสู่การเขียนหนังสือ
6.
เด็กจะเรียนรู้จากการได้รับประสบการณ์ เพื่อนำไปสู่การศึกษาข้อมูล
7.
เด็กจะเรียนรู้ สิ่งที่ประหลาดมหัศจรรย์
เพื่อจะเข้าใจสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ
8.
เด็กจะเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์และพืชเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้
ระบบของร่างกายและระบบนิเวศวิทยา
9.
เด็กจะเรียนรู้ จากการลากเส้น การแต้มสีและการละเลงสีเพี่อนำไปสู่การวาดภาพ
10.
เด็กจะเรียนรู้จากการทำสิ่งของต่างๆ
เพื่อนำไปสู่การใช้เครื่องมือง่ายๆ และการพัฒนาทักษะในการสร้างงานฝีมือ
11.
เด็กจะเรียนรู้จากการเขย่าและโยกตัวไปสู่การเต้นรำ
12.
เด็กจะเรียนรู้จากการฮัมเพลงไปสู่การร้องเพลง
13.
เด็กจะเรียนรู้การได้ยินเนื้อเพลง เพื่อนำไปสู่การฟังเพลง
14.
เด็กจะเรียนรู้ที่จะตระหนักถึงความต้องการของผู้อื่น
เพื่อนำไปสู่การอยู่ร่วมกับผู้อื่น
15.
เด็กจะเรียนรู้จากการได้รับการดูแลจากผู้อื่นเพื่อนำไปสู่การดูแลตัวเอง
16.
เด็กจะเรียนรู้ที่จะเป็นสมาชิกของบ้านหรือศูนย์ฯ เพื่อนำไปสู
การเป็นสมาชิกของชุมชน
17.
เด็กจะเรียนรู้สิ่งที่เป็น “ของฉัน” เพื่อนำไปสู่การรู้สึกว่า“ฉันเป็นใคร”
เด็กวัยแรกเกิด - 5 ปี
เป็นช่วงวัยที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาไอคิวและอีคิว ดังนั้น ผู้
ที่มีหน้าที่ดูแลเด็กจึงควรมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการของเด็กแต่ละด้าน
และลักษณะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
เพื่อที่จะได้ดูแลจัดการเรียนการสอนให้เด็กเรียนรู้ได้เต็มตามศักยภาพ
บันทึกครั้งที่ 3
29 กรกฎาคม 2555
- อาจารย์มอบหมายงานและบอกวิธีการนำเสนองานว่าต้องทำอย่างไรให้มีความน่าสนใจ น่าติดตาม อย่างเช่นการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาช่วยในการนำเสนองานให้มีความน่าสนใจ แปลกใหม่ มีลูกเล่นต่างๆ
- อาจารย์พูถึงเนื้อหาพัฒนาการการทางภาษาของเด็กอายุ 3 ปีว่ามีอะไรบ้าง
- อาจารย์แบ่งงานให้นักศึกษาไปทำคลิปวีดีโอเกี่ยวกับพัฒนาการทางภาษาของเด็กแต่ละช่วงอายุที่ได้รับมอบหมาย
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
บันทึกครั้งที่2
22 มิถุนายน 2555
อาจารย์อธิบายเกี่ยวกับข้อข้อตกลงในการเข้าเรียนของนักศึกษาว่าต้องนัดกันแต่งกายให้เหมือนกันไม่ใช่ใส่ชุดนักศึกษาอีกกลุ่มใส่ชุดพละเพราะจะดูไม่สวย
อาจารย์ได้อธิบายเกี่ยวกับวิชา อย่างการพัฒนาหมายถึง การเปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างเป็นลำดับขั้นตอนที่ดีขึ้น เป็นต้น
อาจารย์อธิบายเกี่ยวกับข้อข้อตกลงในการเข้าเรียนของนักศึกษาว่าต้องนัดกันแต่งกายให้เหมือนกันไม่ใช่ใส่ชุดนักศึกษาอีกกลุ่มใส่ชุดพละเพราะจะดูไม่สวย
อาจารย์ได้อธิบายเกี่ยวกับวิชา อย่างการพัฒนาหมายถึง การเปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างเป็นลำดับขั้นตอนที่ดีขึ้น เป็นต้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)